ระดับของภาษา

ปัจจัยที่กำหนดระดับของภาษา

       ๑. โอกาสและสถานที่
       ๒. ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
       ๓. ลักษณะของเนื้อหา
       ๔. สื่อที่ใช้

ภาษาระดับพิธีการ

       ภาษาระดับนี้ใช้สื่อสารกันในที่ประชุมที่จัดขึ้นอย่างเป็นพิธีการ เช่น การเปิดประชุมรัฐสภา  การกล่าวคำปราศรัย  การกล่าวรายงานในพิธีมอบปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตร
การกล่าวสุนทรพจน์
       ผู้ส่งสารระดับนี้มักเป็นบุคคลสำคัญหรือมีตำแหน่งสูง สัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารมีต่อกันอย่างเป็นทางการ  ส่วนใหญ่ผู้ส่งสารเป็นผู้กล่าวฝ่ายเดียว  ไม่มีการโต้ตอบจากผู้รับสาร
  สารจะมีลักษณะเป็นพิธีรีตอง เป็นทางการ มักใช้ถ้อยคำที่เลือกเฟ้นแล้วว่าไพเราะสละสลวย  และมักจะนำเสนอด้วยวิธีอ่าน

ตัวอย่างภาษาระดับพิธีการ

“เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่
  ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ 
ปวงประชาชาวไทยขอน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัย 
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันทรงมหาพลานุภาพทั้งหลาย 
จงโปรดอภิบาลบันดาลดลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
จงเจริญด้วยมิ่งมหาศุภสวัสดิ์  เจริญพระชนมพรรษา
นับหมื่น ๆ ศตพรรษ  สถิตเสถียรเป็นร่มโพธิ์ทอง
ของปวงประชาชาวไทยตราบชั่วกัลปาวสาน”


ภาษาระดับทางการ

       ภาษาระดับนี้ใช้บรรยายหรืออธิบายอย่างเป็นทางการในที่ประชุมหรือใช้เขียนข้อความที่จะให้ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างเป็นการเป็นงาน  หนังสือที่ใช้ติดต่อกับทางราชการก็ใช้ภาษาระดับนี้
       ผู้ส่งสารและผู้รับสารมักเป็นบุคคลในวงการหรือวงอาชีพเดียวกัน  สัมพันธภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นไปในด้านธุรกิจและการงาน
       สารมีลักษณะเจาะจงเกี่ยวกับธุรกิจหรือความรู้ความคิดที่สำคัญ  หรือจำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันระหว่างผู้รับสารกับผู้ส่งสาร  การใช้ถ้อยคำจึงมักตรงไปตรงมา  อาจมีศัพท์เทคนิคหรือศัพท์วิชาการ

ตัวอย่างภาษาระดับทางการ

       “บทละครไทยเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของวรรณกรรมไทยเป็นวรรณกรรมที่ประพันธ์ขึ้นทั้งเพื่ออ่านและเพื่อแสดงรูปแบบที่นิยมกันมาแต่เดิมคือบทละครรำ  ต่อมามีการปรับปรุงละครรำให้ทันสมัยขึ้นตามความนิยมแบบตะวันตก จึงมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้น  ได้แก่ ละครพันทาง ละครดึกดำบรรพ์  เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีการรับรูปแบบละครจากตะวันตกมาดัดแปลงให้เข้ากับสังคมไทยและวัฒนธรรมไทยทำให้การละครไทยพัฒนาขึ้นโดยมีกระบวนการแสดงที่แตกต่างไปจากละครไทยที่มีอยู่มาเป็นละครร้อง  ละครพูด และละครสังคม”


ภาษาระดับกึ่งทางการ

       ภาษาระดับนี้ใช้ในการประชุมกลุ่ม  การอภิปรายกลุ่ม  การบรรยายในห้องเรียน  ข่าวและบทความในหนังสือพิมพ์  จึงลดความเป็นงานเป็นการลงบ้าง เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพอันใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร
       เนื้อหาของสารมักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้ทั่วไป การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต  เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ  มักใช้ศัพท์วิชาการเท่าที่จำเป็น

ตัวอย่างภาษาระดับกึ่งทางการ

       “โลกของเด็กไม่ใช่โลกของผู้ใหญ่  และในทำนองเดียวกันโลกของผู้ใหญ่ก็ย่อมไม่ใช่โลกของเด็ก  ในขณะที่ผู้ใหญ่ชอบรับประทานน้ำพริก  เด็กก็ชอบรับประทานแกงจืด  เด็กชอบไอศกรีม  ผู้ใหญ่ชอบเหล้า  ฉะนั้นดูไปบางทีโลกของผู้ใหญ่กับโลกของเด็กก็ลอยห่างกันมาก  หรืออีกนัยหนึ่งทางเดินแห่งความคิดของผู้ใหญ่กับของเด็กมักจะสวนทางกันอยู่เสมอ  ถ้าผู้ใหญ่ไม่หมุนโลกของตนให้มาใกล้เคียงกับโลกของเด็กบ้าง  บางทีเมื่อผู้ใหญ่หันกลับ  โลกของเด็กก็ลอยไปไกลจนสุดไขว่คว้าเสียแล้ว”


ภาษาระดับไม่เป็นทางการ

       ภาษาระดับนี้มักใช้ในการสนทนาโต้ตอบระหว่างบุคคลหรือกลุ่มบุคคลไม่เกิน ๔ – ๕ คน  เช่น  การเขียนจดหมายระหว่างเพื่อน  การรายงานข่าว  การเสนอบทความในหนังสือพิมพ์
       เนื้อหาของสารมักเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไปในการดำเนินชีวิตประจำวัน  กิจธุระต่าง ๆ  การปรึกษาหารือกัน  อาจมีถ้อยคำสำนวนเฉพาะกลุ่มหรือเข้าใจความหมายตรงกันได้เฉพาะในกลุ่มเท่านั้น

ตัวอย่างภาษาระดับไม่เป็นทางการ

       “ความตั้งใจในการเดินทางของผมครั้งนี้อยู่ที่การหาเส้นทางซอกแซกไปที่น้ำตกเหวอีอ่ำของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  แต่ความตั้งใจมิเป็นผลเมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่หน่วยพิทักษ์ป่าคลองเพกาปฏิเสธอย่างนิ่มนวลว่า ไม่สามารถอนุญาตให้ขึ้นไปปั่นจักรยานได้  เนื่องจากยังไม่มีนโยบายให้ปั่นจักรยานขึ้นไปเที่ยวน้ำตกเหวอีอ่ำ  ซึ่งคงจะต้องรอไปอีกพักใหญ่ ๆ  เพราะอยู่ในช่วงสำรวจจัดทำเส้นทาง โดยทางอุทยานฯ มีแนวคิดที่จะเปิดให้จักรยานเสือภูเขาขึ้นไปอยู่แล้ว  แต่เมื่อไหร่ยังไม่ทราบ  เป็นคำปฏิเสธที่นุ่มนวล  เราจึงได้แต่น้อมรับโดยดี”


ภาษาระดับกันเอง

       ภาษาระดับนี้ใช้ในวงจำกัด  เช่น  ภาษาที่ใช้ในครอบครัว  ใช้ระหว่างสามี  ภรรยา  บิดา  มารดา  บุตร  เพื่อนสนิท  สถานที่ใช้มักเป็นที่ส่วนตัว  เช่น  ที่บ้าน 
ในห้องที่เป็นสัดส่วนของตนโดยเฉพาะ
       เนื้อหาของสารไม่มีขอบเขตจำกัด  ภาษาระดับนี้มักใช้พูดจากัน  ไม่นิยมบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร  ยกเว้นแต่ในนวนิยายหรือเรื่องสั้นบางตอนเพื่อทำให้สมจริง  ถ้อยคำที่ใช้อาจมีคำคะนองหรือภาษาถิ่น

ตัวอย่างภาษาระดับกันเอง

       “มึงจะไปไหนไอ้มั่น  กูสั่งให้ปล่อยมันไว้อย่างนั้น  ไม่ต้องสนใจ  กูอยากนั่งดูมันมองมันตายช้า ๆ เลือดไหลออกจนหมดตัว  และหยุดหายใจในที่สุด 
ถึงจะสมกับความแค้นของกู”