คำราชาศัพท์

คำราชาศัพท์  หมายถึง  ถ้อยคำสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน  แต่ตามที่นิยมยึดถือกันมาจนถึงปัจจุบัน  หมายรวมถึงถ้อยคำจำพวกหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ  เป็นคำที่ใช้แก่ พระมหากษัตริย์  เจ้านาย พระศาสดา  พระภิกษุสงฆ์  ข้าราชการและสุภาพชน (คำสุภาพ) ด้วย ราชาศัพท์ส่วนมากเป็นศัพท์ที่มาจากภาษาบาลี  สันสกฤต  เขมรและคำไทยรุ่นเก่า ซึ่งนำมาใช้ให้ถูกต้องตามชั้นหรือฐานะของบุคคล บุคคลผู้ที่พูดต้องใช้ราชาศัพท์ด้วย ราชาศัพท์เป็นวัฒนธรรมทางภาษาที่ชาวไทยใช้สื่อสารกับบุคคลดังกล่าว ด้วยความเชื่อและการยกย่องมาแต่โบราณกาล

ระดับฐานะของบุคคลในการใช้ราชาศัพท์

ระดับฐานะของบุคคล  แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม  ได้แก่

     ๑. คำที่ใช้กับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์

         ๑.๑ พระมหากษัตริย์
         ๑.๒ ชั้นสมเด็จพระบรม
         ๑.๓ ชั้นเจ้าฟ้า
         ๑.๔ ชั้นพระองค์เจ้า
         ๑.๕ ชั้นหม่อมเจ้า

     ๒. คำที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์

         ๒.๑ สมเด็จพระสังฆราช (คำราชาศัพท์ระดับพระองค์เจ้า)
         ๒.๒ พระสงฆ์ (คำสำหรับพระภิกษุสงฆ์)

     ๓. คำที่ใช้กับสุภาพชน (คำสุภาพ)

         ๓.๑ ข้าราชการชั้นสูงหรือขุนนาง
         ๓.๒ สุภาพชนทั่วไป

คำราชาศัพท์ที่ใช้เป็นคำนาม มี ๒ ลักษณะ

๑. คำนามที่ไม่ใช้คำใด ๆ ประกอบ ได้แก่ คำนามประเภทสมุหนาม เช่น คณะ สมาคม มูลนิธิ เป็นต้น

อีกพวกหนึ่ง ได้แก่ คำนามที่เป็นราชาศัพท์แล้วในตัว เช่น ตำหนัก วัง เป็นต้น พวกหลังนี้เมื่อใช้ในระดับสูงขึ้นไปต้องใช้คำอื่นประกอบ เช่น ตำหนัก (เรือนเจ้านาย) พระตำหนัก (เรือนของพระมหากษัตริย์)

๒. คำนามที่ใช้คำอื่นประกอบเพื่อเป็นราชาศัพท์

     ก. สำหรับพระมหากษัตริย์

* คำนามที่เป็นชื่อสิ่งของสำคัญที่ควรยกย่อง มีคำเติมหน้า ได้แก่ พระบรมมหาราช พระบรมมหา พระบรมราช พระบรม พระอัคราช พระอัคร และพระมหา เช่น พระบรมมหาราชวัง พระบรมมหาชนกพระบรมราชชนนี พระบรมราชวงศ์ พระบรมอัฐิ พระบรมโอรสาธิราช พระอัครชายา พระมหาปราสาท พระมหาเศวตฉัตร เป็นต้น

*คำนามเป็นชื่อสิ่งสำคัญรองลงมา นำหน้าด้วยคำ “พระราช” เช่น พระราชวังพระราชวงศ์ พระราชทรัพย์ พระราชลัญจกร เป็นต้น

* คำนามเป็นชื่อของสิ่งสามัญทั่วไปที่ไม่ถือว่าสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นคำบาลีสันสกฤต เขมร และคำไทยเก่า แต่บางคำก็เป็นคำไทยธรรมดานำหน้าด้วยคำ “พระ” เช่น พระกร พระบาทพระโรค พระฉาย พระแท่น พระเคราะห์ เป็นต้น คำนามใดที่เป็นคำประสม มีคำ “พระ” ประกอบอยู่แล้ว ห้ามใช้คำ “พระ” นำหน้าซ้อนอีก เช่น พานพระศรี (พานหมาก) ขันพระสาคร (ขันน้ำ) เป็นต้น

* คำนามที่เป็นชื่อสิ่งไม่สำคัญและคำนั้นมักเป็นคำไทย นำหน้าด้วยคำว่า “ต้น” เช่น ม้าต้น ช้างต้น เรือนต้น และนำหน้าด้วย “หลวง” เช่น ลูกหลวง หลานหลวง รถหลวง เรือหลวง สวนหลวง

ส่วน “หลวง” ที่แปลว่า ใหญ่ ไม่จัดว่าเป็นราชาศัพท์ เช่นภรรยาหลวง เขาหลวง ทะเลหลวง เป็นต้น นอกจากคำว่า “ต้น” และ “หลวง” ประกอบท้ายคำแล้วบางคำยังประกอบคำอื่นๆ อีก เช่น รถพระที่นั่ง เรือพระที่นั่ง รถทรง เรือทรง ม้าทรง ช้างทรง น้ำสรง ห้องสรง ของเสวย โต๊ะเสวย ห้องบรรทม เป็นต้น

     ข. สำหรับเจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์ คือตั้งแต่ สมเด็จพระบรมราชินีลงไปถึงหม่อมเจ้า

* ใช้พระราชนำหน้า เช่น พระราชเสาวนีย์ พระราชประวัติ พระราชดำรัlส พระราชกุศล พระราโชวาท พระราโชบาย เป็นต้น

* ใช้พระนำหน้า เช่น พระเศียร พระองค์ พระหัตถ์ พระทัย พระบาท เว้นแต่หม่อมเจ้าไม่ใช้ “พระ”
นำหน้า ใช้ว่า เศียร องค์ หัตถ์ หทัย บาท เป็นต้น

* คำนามราชาศัพท์สำหรับเจ้านายอยู่ในตัว ไม่ต้องใช้คำนำหน้าหรือคำต่อท้าย เช่น วัง ตำหนัก
ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น


หลักสังเกตการใช้ราชาศัพท์

การใช้คำว่า “พระบรม” “พระราช” “พระ” “หลวง”

     ๑. คำนามที่เป็นสิ่งสำคัญอันควรยกย่อง

“พระบรม” ใช้เฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น พระบรมราโชวาท พระบรมราชานุเคราะห์ พระปรมาภิไธย เป็นต้น

           ใช้คำว่า “พระบรม” (มาจากคำว่า  ปรม 
           ในภาษาบาลี  แปลว่า  ยิ่งใหญ่)  นำหน้า 
           เช่น  พระบรมมหาราชวัง  พระบรมราชโองการ 
           พระบรมราชาภิเษก  พระบรมราชูปถัมภ์ 
           พระบรมราชานุเคราะห์  พระบรมราชานุสรณ์ 
           พระบรมราชานุสาวรีย์  พระบรมราโชวาท 
           พระบรมโพธิสมภาร  พระบรมเดชานุภาพ 
           พระบรมฉายาลักษณ์  พระบรมศพ  พระบรมอัฐิ
       
  ในภาษาไทยสงวนคำนี้ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น

     ๒. คำนามที่เป็นสิ่งสำคัญรองลงมา 

“พระราช” ใช้นำหน้าคำนาม แสดงว่าคำนามนั้นเป็นของ พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เช่นพระราชประวัติ พระราชานุญาต
พระราชวโรกาส เป็นต้น

           ใช้คำว่า  “พระราช”  นำหน้า  เช่น  พระราชวัง 
           พระราชนิเวศน์  พระราชอำนาจ  พระราชวงศ์ 
           พระราชประสงค์  พระราชดำริ  พระราชดำรัส 
           พระราชกุศล  พระราชปรารภ  พระราชทรัพย์ 
           พระราชลัญจกร

     ๓. คำนามที่เป็นสิ่งสามัญทั่วไป 

“พระ” ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นอวัยวะ ของใช้ เช่น พระชานุ พระนลาฏ พระขนง เป็นต้น

           ใช้คำว่า  “พระ”  นำหน้า  เช่น  พระเจ้า 
           พระองค์  พระกร  พระบาท  พระโลหิต  พระบังคน 
           พระเคราะห์  พระโรค  พระแสง  พระศรี  พระยี่ภู่ 
           พระเก้าอี้  พระป้าย  พระโธรน  พระฉาย  พระสาง 
           พระเขนย  พระขนอง  พระขนน พระวาตะ

     ๔. คำนามที่เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ 

           ใช้คำว่า  “หลวง”  หรือ  “ต้น”  นำหน้า  เช่น 
           ลูกหลวง  หลานหลวง  ของหลวง  รถหลวง 
           เรือหลวง  สวนหลวง  ม้าต้น  ช้างต้น


ราชาศัพท์ตกแต่งขึ้นจากคำไทยดั้งเดิม

     ๑. คำที่ใช้เรียกเครือญาติ

คำที่ใช้เรียกความหมาย
พระเจ้าพี่ยาเธอ พระองค์เจ้าที่เป็นพี่ชายของพระเจ้าแผ่นดิน
สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอเจ้าฟ้าที่เป็นพี่ชายของพระเจ้าแผ่นดิน
พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าที่เป็นลูกชายของพระเจ้าแผ่นดิน
 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าที่เป็นลูกชายของพระเจ้าแผ่นดิน


     ๒. คำที่ใช้เรียกส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
 

           มีวิธีตกแต่งโดยเติมคำ “พระ”  เช่น  พระกราม (กราม)  พระเต้า (เต้านม)  พระรากขวัญ
           (ไหปลาร้า)  พระยอด (ฝี)

     ๓. คำที่ใช้เรียกกิริยาอาการ 

           มีวิธีตกแต่งโดยเติมคำว่า “ทรง” หน้าคำกริยาหรือ หน้าคำนาม  เช่น  ทรงถาม  ทรงไอ 
           ทรงจาม  ทรงยืน  ทรงขลุ่ย (เป่าขลุ่ย)  ทรงช้าง (ขี่ช้าง) ทรงเรือ (นั่งเรือ)

     ๔. คำที่ใช้เรียกเครื่องใช้ทั่วไป 

           มีวิธีการตกแต่งโดยมีคำ “พระ” เข้าประกอบ  เช่น  พระแท่น (เตียง  ที่นั่ง)  พระแส้ (แส้)


ราชาศัพท์ที่ตกแต่งขึ้นจากคำภาษาอื่น

     ๑. คำที่ใช้เรียกเครือญาติ 

           เช่น  พระอัยกา (ปู่  ตา)  พระชนนี (แม่)

     ๒. คำที่ใช้เรียกส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 

           เช่น  พระหัตถ์ (มือ)  พระองคุลี (นิ้ว)  พระอุทร (ท้อง)  พระเนตร (ตา)  พระขนง (คิ้ว)
           พระเสโท (เหงื่อ)  พระอัฐิ (กระดูก)

     ๓. คำที่ใช้เรียกเครื่องใช้ทั่วไป 

           เช่น  พระจุฑามณี (ปิ่น)  พระกุณฑล (ต่างหู)  พระพัชนี (พัด)

การใช้ทรง

     ๑. นำหน้าคำนามสามัญบางคำ มีความหมายตามเนื้อความของคำที่ตามหลัง 
           ทำให้เป็นกริยาราชาศัพท์ เช่น  ทรงม้า (ขี่ม้า)  ทรงศีล (รับศีล)  ทรงธรรม (ฟังเทศน์)
           ทรงบาตร (ตักบาตร)  ทรงรถ (นั่งรถ) ทรงสกี (เล่นสกี) ทรงกีตาร์ (เล่นกีตาร์)

     ๒. ใช้นำหน้าคำกริยาสามัญ  กลุ่มคำกริยา (กริยาวลี) 
           ทำให้เป็นราชาศัพท์  เช่น  ทรงฟัง  ทรงยินดี ทรงขอบใจ ทรงชุบเลี้ยง ทรงมีเหตุผล

     ๓. นำหน้าคำนามราชาศัพท์ 
           ทำให้เป็นกริยาราชาศัพท์ได้  เช่น  ทรงพระราชดำริ ทรงพระอักษร ทรงพระดำเนิน  
           ทรงพระราชนิพนธ์ แต่คำกริยาใดเป็นคำราชาศัพท์อยู่แล้ว  จะใช้คำ “ทรง” นำหน้าอีกไม่ได้
          เช่น  บรรทม  เสวย ประทับ สรง

การใช้คำว่า “เสด็จ”

     ๑. ใช้นำหน้าคำกริยาสามัญบางคำให้เป็นคำกริยา
           ราชาศัพท์  
เช่น  เสด็จไป  เสด็จกลับ  เสด็จออก 
           เสด็จขึ้น  เสด็จลง

     ๒. ใช้นำหน้าคำนามราชาศัพท์ให้เป็นคำกริยา
          ราชาศัพท์ 
 เช่น  เสด็จพระราชสมภพ 
          เสด็จพระราชดำเนิน

การใช้คำราชาศัพท์ให้ถูกต้องตามเหตุผล

๑. คำว่า  “อาคันตุกะ”  แปลว่า  แขกที่มาเยือน  ถ้าเป็นแขกของพระมหากษัตริย์ ใช้  พระราช 
นำหน้า ถ้าไม่ใช่แขกของพระมหากษัตริย์ก็ไม่ต้องมีพระราช  นำหน้า  เช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชอาคันตุกะ
ของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ ๒พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นอาคันตุกะ
ของประธานาธิบดี

๒. ในการถวายของแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

  • ถ้าเป็นของเล็กก็ใช้  ทูลเกล้าฯ ถวาย 
    อ่านว่า   “ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย”
  • ถ้าเป็นของใหญ่ก็ใช้  น้อมเกล้าฯ ถวาย  
    อ่านว่า   “น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย”

การใช้คำราชาศัพท์สำหรับพระศาสดา

  • การใช้คำราชาศัพท์สำหรับเรียกกิริยาอาการของ
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
      ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมตามแบบแผน  เช่น  สิ้นพระสุรเสียง 
    เสด็จพระพุทธดำเนิน  เสด็จออกบรรพชา 
    เสด็จปรินิพพาน  ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ 

  • การใช้ราชาศัพท์สำหรับพระศาสดาของศาสนาอื่น 
    ควรใช้คำแสดงคารวะให้ถูกต้องตามแบบแผนขนบนิยม 
    เช่น  เสด็จสู่สวรรค์  ทรงสั่งสอน  ทรงประกาศศาสนา

การใช้ราชาศัพท์ให้ถูกต้องตามสำนวนไทย

ไม่นิยมเลียนแบบสำนวนต่างประเทศ ถ้ามาต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องใช้ว่า ประชาชนมาเฝ้า ฯ รับเสด็จ คำว่า “เฝ้าฯรับเสด็จ” ย่อมาจาก “เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ” ไม่ใช้คำว่า “ถวายการต้อนรับ”

คำว่า “คนไทยมีความจงรักภักดี” หรือ “แสดงความจงรักภักดี” ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช่คำว่า “ถวายความจงรักภักดี”

การใช้คำขึ้นต้น สรรพนาม และคำลงท้าย

คำขึ้นต้นและคำลงท้ายในการกราบบังคมทูล กราบทูล และทูลด้วยวาจา

ฐานันดรของผู้ฟัง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
คำขึ้นต้น : ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
คำลงท้าย : ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ฐานันดรของผู้ฟัง : สมเด็จพระบรมราชินี , สมเด็จพระบรมราชชนนี , สมเด็จพระยุพราช , สมเด็จพระสยามบรมราชกุมารี
คำขึ้นต้น : ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท
คำลงท้าย : ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ฐานันดรของผู้ฟัง : สมเด็จเจ้าฟ้า
คำขึ้นต้น : ขอพระราชทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพิจารณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

ฐานันดรของผู้ฟัง : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
คำขึ้นต้น : กราบทูลฝ่าพระบาท
คำลงท้าย : ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ฐานันดรของผู้ฟัง : หม่อมเจ้า
คำขึ้นต้น : ทูลฝ่าพระบาททรงทราบ
คำลงท้าย : แล้วแต่จะโปรด