กลุ่มคำหรือวลี

กลุ่มคำ หรือวลี หมายถึง ข้อความที่เกิดจากการนำคำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมาเรียงติดต่อกันและทำให้เกิดคำที่มีความหมายซึ่งสามารถเป็นที่เข้าใจได้ แต่ “คำ หรือวลี” จะยังไม่ได้ใจความสมบูรณ์

คำกลุ่มคำ / วลีประโยค
พ่อค้าพ่อค้าขายส่งพ่อค้าขายส่ง มักขายสินค้าราคาถูก
กำแพงกำแพงเมืองจีนกำแพงเมืองจีน มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตร
นั่งนั่งร้องไห้เด็กนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้
โรงเรียนโรงเรียนเตรียมทหารความฝันของเด็กผู้ชายคือการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
นกนกเขาชวามานะส่งนกเขาชวาเข้าร่วมการแข่งขัน

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า

          ๑. คำ และวลีแตกต่างกันที่ขนาด เพราะ “ คำ” คือเสียงที่เปล่งออมาแล้วมีความหมายอาจมีพยางค์เดียว หรือหลายพยางค์ก็ได้ ส่วน “ วลี” มีตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป จึงมีความหมายมากกว่า “ คำ”

          ๒. วลี และประโยคต่างกันที่ใจความ เพราะ “ วลี” มีใจความอย่างเดียวเหมือนกับ “ คำ” นอกจากนี้แล้ว “ วลี” ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “ ประโยค”

          ๓. “ประโยค” เป็นส่วนที่ใจความสมบูรณ์ที่สุด เพราะมีทั้งภาคประธาน และภาคแสดง ในณะที่ “ คำ” และ “ วลี” อย่างที่บอกไปค่ะว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “ ประโยค” เท่านั้น

ลักษณะของกลุ่มคำ

          ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คือ คำแต่ละคำจะมีเพียงรูปเดียว ไม่ว่าจะทำหน้าที่ใดในประโยคก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากภาษาอังกฤษที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำเพื่อบอกหน้าที่ของแต่ละ คำ เช่น “ กิน” ในขณะที่ภาษาอังกฤษจะมี eat, eating, will eat

          การสังเกตชนิด และหน้าที่ของคำในภาษาไทย ให้พิจารณาจากการเรียงลำดับคำ และความหมายเป็นสำคัญ เพราะ คำ ๆ เดียวกัน อาจทำหน้าที่เป็นกลุ่มคำ คำประสม หรือประโยคก็ได้ ดูตัวอย่างต่อไปนี้

๑. ปากกา

– ปากกาตัวที่เกาะบนต้นไม้มีสีขาว

ปากกา ในที่นี้หมายถึง ปากของกาซึ่งเป็นนกชนิดหนึ่ง (ปากกา เป็น กลุ่มคำ)

– ปากกาด้ามนี้ราคาแพง

ปากกา ในที่นี้หมายถึง เครื่องมือในการเขียนหนังสือ (ปากกา เป็น คำประสม)

๒. ลูกเสือ

– ลูกเสือตัวนี้ซนมาก

ลูกเสือ ในที่นี้หมายถึง ลูกของเสือซึ่งเป็นสัตว์ป่า (ลูกเสือ เป็น กลุ่มคำ)

– ลูกเสือเป็นวิชาบังคับของเด็กผู้ชาย

ลูกเสือ ในที่นี้หมายถึง กิจกรรมที่โรงเรียนกำหนดให้นักเรียนเข้าร่วม
(ลูกเสือ เป็น คำประสม)

๓. พัดลม

– เขา พัดลมไล่ควันที่อบอวนในเตาถ่าน

พัด เป็นกริยา / ลม เป็นกรรม (พัดลม เป็น กลุ่มคำ)

– เขาชอบนอนเปิด พัดลม

พัดลม ในที่นี้หมายถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เกิดลม (พัดลม เป็น คำประสม)

๔. ข้าวเย็น

– เขาชอบกินข้าวร้อนมากกว่า ข้าวเย็น

ข้าวเย็น ในที่นี้หมายถึง ข้าวที่หุงไว้นานแล้ว (ข้าวเย็น เป็น กลุ่มคำ)

– ฉันกิน ข้าวเย็นเวลา ๒๐.๐๐ น.

ข้าวเย็น ในที่นี้หมายถึง ข้าวที่รับประทานในเวลาเย็น (ข้าวเย็น เป็น คำประสม)

– ข้าว เย็นมากแล้วต้องอุ่นใหม่

ข้าว เป็นประธาน เย็น เป็นกริยา (ข้าวเย็น เป็น ประโยค)

ลองพิจารณา “ คำ” และ “ กลุ่มคำ” ต่อไปนี้จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

คำกลุ่มคำ/วลี
แก้วแก้วมังกร แก้วหน้าม้า แก้วสารพัดนึก
ไม้ไม้หน้าสาม ไม้เรียว ไม้ถูพื้น
ผ้าผ้าป่าสามัคคี ผ้าขี้ริ้วห่อทอง ผ้าไหมสุรินทร์
เหนือเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือจริง เหนือใต้ออกตก
ฉลาดฉลาดเฉลียว ฉลาดแกมโกง ฉลาดแสนกล

          จาก คำที่พี่ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ จะเห็นว่า “ กลุ่มคำ/วลี” มีความหมายเพิ่มมากขึ้นกว่า “ คำ” แต่อย่างไรก็ตาม “ กลุ่มคำ/วลี” ยังไม่มีความหมายที่สมบูรณ์เหมือนกับ “ ประโยค” นั่นเอง

หน้าที่ของกลุ่มคำ 

กลุ่มคำทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำทั้ง ๗ ชนิด ดังนี้

          ๑. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำนาม (นามวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำนาม คือ เป็นประธาน เป็นกรรม เป็นส่วนเติมเต็ม เป็นส่วนขยายคำนาม และเป็นคำเรียกขาน เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
โรงเรียนเตรียมทหารโรงเรียนเตรียมทหาร มีนักเรียนหลายร้อยคนเป็นประธาน
ฟุตบอประเพณีจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ร่วมแข่งขัน ฟุตบอลประเพณีเป็นกรรม
เรือนไทยโบราณศาลาหลังนั้นคือเรือนไทยโบราณเป็นส่วนเติมเต็ม
ดอกบัวสีชมพูภาพถ่ายดอกบัวสีชมพูมีคนขโมยไปแล้วเป็นส่วนขยายคำนาม
ตอนเช้าวันอาทิตย์ฉันไปทำบุญที่วัดตอนเช้าวันอาทิตย์เป็นส่วนขยายตัวแสดง
ประชาชนทั้งหลายประชาชนทั้งหลาย ถึงเวลาแล้วที่เราต้องต่อสู้กับการคอร์รัปชั่นเป็นคำเรียกขาน

          ๒. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำสรรพนาม (สรรพนามวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำสรรพนาม คือ เป็นประธาน เป็นกรรม เป็นส่วนเติมเต็ม และเป็นคำเรียกขาน เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
เธอทุกคนเธอทุกคน ต้องตั้งใจฟังครูอธิบายเป็นประธาน
เราทุกคนเขาไม่พอใจเราทุกคนเป็นกรรม
พวกท่านทั้งหลายบุคคลที่จะสอบได้คือพวกท่านทั้งหลายเป็นส่วนเติมเต็ม
ท่านผู้มีเกียรติท่านผู้มีเกียรติ กรุณาอยู่ในความสงบเป็นคำเรียกขาน

          ๓. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำกริยา (กริยาวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำกริยา คือ เป็นประธาน เป็นตัวแสดง (กริยา) เป็นส่วนขยายคำนาม และเป็นส่วนขยายตัวแสดง เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
บ่นพึมพำบ่นพึมพำ เป็นลักษณะของผู้สูงอายุเป็นประธาน
นั่งเหม่อลอยผู้ชายคำนั้นนั่งเหม่อลอยเป็นตัวแสดง
เที่ยวเมืองไทยคุณแม่อ่านสารคดีเที่ยวเมืองไทยเป็นส่วนขยายคำนาม
ชักแม่น้ำทั้งห้าเธอพูดชักแม่น้ำทั้งห้าตลอดเวลาเป็นส่วนขยายตัวแสดง

          ๔. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำวิเศษณ์ (วิเศษณ์วลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำวิเศษณ์ คือ เป็นส่วนขยายคำนาม เป็นส่วนขยายคำสรรพนาม เป็นส่วนขยายตัวแสดง เป็นส่วนขยายคำวิเศษณ์ เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
กล้าหาญชาญชัยคนกล้าหาญชาญชัยจะทำงานด้วยใจเข้มแข็งเป็นส่วนขยายคำนาม
ทุก ๆ คนเราทุก ๆ คน ควรทำแต่ความดีเป็นส่วนขยายคำสรรพนาม
ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆเราเลี้ยงลูกแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆเป็นส่วนขยายตัวแสดง
ในชั่วพริบตาโจรขโมยของไปเร็วในชั่วพริบตาเป็นส่วนขยายคำวิเศษณ์

          ๕. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำบุพบท (บุพบทวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำบุพบท คือ เชื่อมกลุ่มคำกริยากับคำนาม เชื่อมกลุ่มคำกริยากับคำสรรพนาม เชื่อมกลุ่มคำกับคำนาม และเชื่อมคำวิเศษณ์กับคำนาม เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
ท่ามกลางนักโทษยืนซึมท่ามกลางห้องพิจารณาคดีเชื่อมกลุ่มคำกริยา กับคำนาม
เฉพาะกับคุณครูพูดเสียงดังเฉพาะกับฉันเท่านั้นเชื่อมกลุ่มคำกริยา กับคำสรรพยาม
ต่อหน้าการตำหนิต่อหน้าบุคคลอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเชื่อมกลุ่มคำ กับคำนาม
ประหนึ่งเป็นเขาร้องเพลงเพราะประหนึ่งเป็นนักร้องอาชีพเชื่อมคำวิเศษณ์ กับคำนาม

          ๖. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำสันธาน (สันธานวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำสันธาน คือ เชื่อมประโยคกับประโยค เชื่อมกลุ่มคำนามกับคำกริยา เช่น

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยคหน้าที่ของวลีในประโยค
จนกระทั่งรักชาติอ่านหนังสือ จนกระทั่งสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้เชื่อมประโยค กับประโยค
ในขณะที่การเที่ยวกลางคืนในขณะที่กำลังสอบย่อมไม่เป็นผลดีเชื่อมกลุ่มคำนาม กับกลุ่มคำกริยา

          ๗. กลุ่มคำที่ทำหน้าที่เหมือนคำอุทาน (อุทานวลี) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำอุทาน แต่เนื่องจากคำอุทานไม่ได้ทำหน้าที่ในประโยคเหมือนคำชนิดอื่น ๆ คือไม่ได้ทำหน้าที่ขยายคำนาม ขยายคำกริยา หรือเป็นบทเชื่อมในประโยค อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคำอุทานจะไม่ได้ทำหน้าที่ในประโยค แต่สามารถใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อความในประโยค

กลุ่มคำ/วลีเมื่อใช้ในประโยค
โอ้ อนิจจา!โอ้ อนิจจา ! คนใจร้ายเอาเด็กมานั่งขอทาน
โธ่ กรรมเวร !โธ่ กรรมเวร ! เพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นานก็มาพลันตาย