| พิธีกร (Master of Ceremony: MC) |
| คือ ผู้ดำเนินการในพิธีต่าง ๆ เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ กำกับ / นำ / อำนวยการ ให้กิจกรรม รายการหรือ พิธีการต่าง ๆ ดำเนินการไปให้แล้วเสร็จ เรียบร้อยตามวัตถุประสงค์และกำหนดการที่วางไว้ |
| หน้าที่ของพิธีกร |
| 1. เป็นผู้ให้ข้อมูลแก่ผู้ฟัง / ผู้ชม / ผู้เข้าร่วมพิธี โดยอย่างน้อยจะต้องมี ขบวนการดังต่อไปนี้ เช่น ตามลำดับ ในแต่ละกิจกรรม 1. แจ้งกำหนดการ 2. แจ้งรายละเอียดของรายการ 3. แนะนำผู้พูด ผู้แสดง 4. ผู้ดำเนินการอภิปรายและอื่น ๆ 2. เป็นผู้เริ่มกิจกรรม / งาน / พิธี / รายการ เช่น 1. กล่าวทักทาย ต้อนรับเชิญเข้าสู่งาน 2. เชิญเข้าสู่พิธี ดำเนินรายการต่าง ๆ แล้วแต่กิจกรรม 2. เชิญ เปิดงาน – ปิดงาน 3. เป็นผู้เชื่อมโยงกิจกรรม / งาน / พิธี / รายการต่าง ๆ เช่น 1. กล่าวเชื่อมโยงเหตุการณ์ตามลำดับ 2. แจ้งให้ทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ 3. แจ้งขอความร่วมมือ 4. กล่าวเชื่อมโยงรายการให้ชวนติดตาม 5. เป็นผู้ส่งเสริมจุดเด่นให้งานหรือกิจกรรมและบุคคลสำคัญในงานพิธี / รายการโดยพิธีกรจะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ในวาระที่เหมาะสม เช่น 6. กล่าวยกย่องสรรเสริญ ชื่นชมบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในพิธี 7. กล่าวถึงจุดเด่นของงานพิธีนั้น ๆ 8. กล่าวแจ้งผลรางวัลและการมอบรางวัล 4. เป็นผู้ที่สร้างสีสัน บรรยากาศของงาน / พิธี / รายการ เช่น 1. ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมเป็นระยะ 2. มีมุขขำขึ้นเป็นระยะ ๆ 5. เป็นผู้เสริมสร้างความสมานฉันท์ในงาน / กลุ่มผู้ร่วมงาน เช่น 1. กล่าวละลายพฤติกรรม 2. กล่าวจูงใจให้รักสามัคคี 6. เป็นผู้เติมช่องว่างและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในงานพิธีต่าง ๆ เช่น 1. กล่าวชี้แจงกรณีบุคคลสำคัญไม่สามารถมาช่วยงานพิธีต่าง ๆ ได้ 2. กล่าวทำความเข้าใจกรณีต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการ |
| โฆษกผู้ประกาศ |
| คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ในการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงาน องค์กร กับประชาชน เพื่อให้ได้รับความสนับสนุนร่วมมือ อันจะทำให้กิจการงานนั้น ๆ ประสบผลสำเร็จ ได้ตามวัตถุประสงค์ ด้วยวิธีการที่แตกต่างในแต่ละกิจกรรม เช่น • การบอกกล่าว • การชี้แจง • การเผยแพร่ • แก้ความเข้าใจผิด • การสำรวจประชามติ บทบาทการทำหน้าที่ของโฆษกผู้ประกาศ โดยการใช้เครื่องมือด้านสื่อต่าง ๆ เช่น เอกสาร สื่อวิทยุโทรทัศน์ จัดเวทีประชาคม เดินสำรวจประชามติ เป็นกระบวนการประชาสัมพันธ์ ที่จะต้องดำเนินการต่อไป เช่นกระบวนการจัดกิจกรรมโดยใช้เวทีประชาคม ผู้ที่จะต้องทำหน้าที่ ในการควบคุม ดำเนินการให้ไปตามวัตถุประสงค์ในแต่ละครั้ง ผู้ที่เป็นพิธีกรในการดำเนินการรายการดังกล่าว จะต้องมีความเข้าใจ ในกระบวนการ และรู้หลักการวิธีการ ในการดำเนินการดังกล่าวนั้น ๆ เป็นภาระหน้าที่ของพิธีกรทั้งสิ้น ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้อง ศึกษาบทบาทหน้าที่ของพิธีกรดังต่อไปนี้ |
| พิธีกร |
| คือ บุคลากรที่จะต้องพูดโดยใช้ความสามารถเฉพาะตนจากการฝึกฝนและศึกษาเท่านั้น ไม่ใช้สักแต่จะพูดอย่างเดียวไม่ มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมที่จะต้องรับผิดชอบในด้านการพูดในตำแหน่งพิธีกร ฉะนั้น จะต้องมีการเตรียมตัวเตรียมใจก่อนจะเป็นการเริ่มต้นที่จะทำหน้าที่ในการเป็นพิธีกรในกิจกรรมต่าง ๆ พิธีกรหรือโฆษก อาจจะเป็นบุคคลคนเดียวกันในกิจกรรมนั้น ๆ สร้างความเข้าใจในข้อมูล ต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อกิจกรรมต่าง ๆ ของข้อเท็จจริง ให้ทัศนะ ในโอกาสที่จะต้องปฏิบัติในแต่ละสถานการณ์ ในแต่ละกิจกรรม พิธีกร จะถูกกล่าวถึงมากในกรณีที่เป็นทางการ ส่วนโฆษกจะเป็นคำที่เรียกใช้ในส่วนที่ก่อนถึงเวลาดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ หรือบางครั้งในท้องถิ่นชนบทจะเรียกรวมกันเช่น “ โฆษกพิธีกร ดำเนินการ ต่อไป ” ไม่ว่าจะเรียกว่าพิธีกรหรือโฆษกในกิจกรรมนั้น ๆ จะต้องเป็นการพูดคุยในที่ชุมชน นั่นคือต่อคนส่วนมากทุกครั้งเป็นการพูดในที่ชุมชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก หากพูดผิดก็จะทำให้เสื่อมเสียแก่ตนเองและองค์กร และถ้าหากทำดีพูดดีก็จะมีสง่าราศีแก่ตนเองเช่นกัน ดังสุภาษิต ของสุนทรภู่ที่ว่า “ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดอยู่ที่พูดให้ถูกทาง ” ฉะนั้น คนที่เป็นพิธีกรที่ดี มีความสามารถจะต้องมีการฝึกฝนเรียนรู้ในหลักการ กลยุทธ์ในการพูดคุยต่าง ๆ ดังนี้ เช่น • เตรียมพร้อม • ซ้อมดี • ท่าทีสง่า • หน้าตาสุขุม • ทักที่ประชุมอย่าวกวน • เริ่มต้นให้โน้มน้าว • เรื่องราวให้กระชับ • จับตาที่ผู้ฟัง • เสียงดังให้พอดี • อย่าให้มีอ้ออ้า • ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา บุคคลที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวจะต้องมีการเตรียมความพร้อมและเตรียมตัวในการทำหน้าที่ จะมี 2 กลุ่มคือ 1. รู้ตัวก่อนและจะต้องเตรียมตัว 2. ไม่รู้มาก่อน จะต้องไปใช้ปฏิภาณ ไหวพริบทุกคนทำได้ |
| การเตรียมตัวในการทำหน้าที่พิธีกร หรือโฆษก ผู้ประกาศ |
| พิธีกรหรือโฆษก จะต้องมีการเตรียมตัวในการทำหน้าที่ ดังนี้ 1. ศึกษาข้อมูล / วิเคราะห์สถานการณ์ ผู้นำ ผู้ชม โอกาส วัตถุประสงค์ของงานพิธี รายการที่กำหนดไว้ เพื่อทราบความมุ่งหมายของการทำหน้าที่ 2. เตรียมเนื้อหาและคำพูด เริ่มต้นอย่างไร ? มุขตลก ขำขัน แทรกอย่างไร คำคม ลูกเล่น จุดเด่นที่ควรกล่าวถึง ต้องเตรียมค้นคว้าศึกษาจากศูนย์ข้อมูลมาให้พร้อม 3. ตรวจสอบความเหมาะสม ของบทความที่เตรียมมาว่าเหมาะสมกับเวลาหรือไม่ 4. ต้องมีการฝึกซ้อมไม่ว่าจะซ้อมหลอกหรือซ้อมจริง ต้องมีการฝึกซ้อม 5. ศึกษาสถานที่จัดงานหรือพิธีที่กำหนดไว้ล่วงหน้า 6. เตรียมเสื้อผ้าและชุดการแต่งกาย อย่างเหมาะสมกับกิจกรรม พร้อมดูแลตั้งแต่ หัวจรดเท้า |
| ข้อควรปฏิบัติในการทำหน้าที่พิธีกร หรือโฆษก |
| ข้อควรปฏิบัติในการทำหน้าที่ของพิธีกรหรือโฆษก มีดังนี้ • ทำจิตให้แจ่มใส • ไปถึงก่อนเวลา • อุ่นเครื่องแก้ประหม่า • ทำหน้าที่สุดฝีมือ • เลื่องลือผลงาน |
| ข้อพึงระวัง สำหรับการทำหน้าที่เป็นพิธีกร |
| • ต้องดูดีมีบุคลิก • ต้องรักษาเวลาอย่างเคร่งเครียด • ต้องแสดงออกอย่างสุภาพและให้เกียรติ ร่าเริงแจ่มใส ให้ความเป็นกันเอง • ต้องมีการประสานงานด้านข้อมูล และพร้อมเผชิญปัญหาโดยไม่หงุดหงิด • ต้องใช้ภาษาให้ถูกต้องชัดเจนให้ชวนฟัง น่าติดตาม • ต้องเสริมจุดเด่นของคนอื่นไม่ใช่ของตนเอง • สร้างความประทับใจ ด้านสุภาษิต หรือคำคม |
วิธีการเป็นพิธีกรที่ดี
ส่วน 1 เตรียมตัวก่อนเริ่มงาน
- 1รู้จักงานที่ตัวเองจะไปเป็นพิธีกร. การรู้ถึงงานที่คุณจะต้องเป็นพิธีกรเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินงานทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน พิธีสำเร็จการศึกษา พิธีฉลองเด็กอายุ 13 ปี (Bar mitzvah) หรืองานเลี้ยงของเหล่าดาราก็ตาม โดยประเภทของงานจะกำหนดลักษณะบรรยากาศของงานที่ผู้เป็นพิธีกรอย่างคุณต้องสร้างขึ้นมา การรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อะไรที่ควรจะพูดถึง และอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไปเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นพิธีกรที่ประสบความสำเร็จ
- ลองพบกับผู้จัดงานและศึกษาโครงสร้างแผนการดำเนินงานและรายละเอียดกิจกรรมโดยละเอียด
- 2รู้ถึงความรับผิดชอบของตัวเอง. หน้าที่รับผิดชอบของพิธีกรคือสร้างและรักษาบรรยากาศตลอดทั้งงาน ซึ่งบรรยากาศที่ต้องการอาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของงานที่จัดขึ้นมา แม้ว่างานส่วนใหญ่จะจ้างพิธีรมาเพื่อสร้างความสนุกสนานและทำให้งานคึกคัก แต่ในฐานะพิธีกร หน้าที่รับผิดชอบหลักของคุณมีดังนี้
- คอยดูแลให้งานดำเนินได้อย่างราบรื่นและเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกๆ ส่วน
- คอยดึงดูดความสนใจของผู้ร่วมงานและช่วยให้พวกเขาสนุกไปกับงาน
- ช่วยให้ผู้ร่วมงานรู้สึกว่ามีตนส่วนร่วมในงานและมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาระหว่างดำเนินงาน
- ช่วยให้วิทยากรรู้สึกมีคุณค่า
- รักษาเวลาของงาน
- คอยช่วยให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้รับข้อมูลใหม่ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในงานบ้าง
- 3รู้ถึงความคาดหวังในบทบาทของคุณ. การเป็นพิธีกรหมายถึงคุณจะต้องมีอารมณ์ขัน คุณต้องสามารถทำงานร่วมกับคนหมู่มาก และคุณเป็นนักพูดในที่ประชุมชนที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ซึ่งหมายถึงคุณต้องเตรียมตัวที่จะแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า ดังนั้น คุณจะต้องรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะต้องสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ร่วมงานในระหว่างที่รอวิทยากรคนถัดไปเป็นเวลานานหรือรอให้ไมโครโฟนตัวใหม่มาแทนที่
- จำไว้ว่าให้ยิ้มอยู่เสมอ การยิ้มช่วยนำพาความสนุกสนานและทำให้บรรยากาศของงานดูผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังทำให้คุณดูเป็นพิธีกรที่มีความกระตือรือร้น
- จำไว้ว่าคุณเป็นเพียงพิธีกร ไม่ใช่ดารา คุณควรจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาโดดเด่นในงาน
- 4ทำการบ้านให้ดี. ติดต่อกับวิทยากรหลักเพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องลึกของพวกเขา แล้วใช้ข้อมูลนั้นมาเพื่อเตรียมคำแนะนำตัวให้กับวิทยากร การศึกษาข้อมูลเบื้องลึกจะช่วยให้คุณสร้างคำแนะนำตัวให้ดูเป็นบุคคลและดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
- ลองดูว่ามีผู้เข้าร่วมงานคนพิเศษที่ควรจะพูดถึงระหว่างการดำเนินงานหรือไม่
- ตรวจสอบชื่อและตำแหน่งของทุกคนให้ดี เพื่อให้รู้วิธีอ่านชื่อบนเวทีเมื่อถึงเวลาประกาศ
- 5คอยจัดการสถานการณ์ในงานอยู่เสมอ. สร้างหรือตรวจสอบวาระของงาน และวางแผนตารางงานแบบนาทีต่อนาที ลองพิจารณาแบ่งเวลาในการขึ้นและลงเวที กล่าวแนะนำแขก และคำปราศรัยหรือคำขอบคุณจากแขก
- ลองทำบทพูดถึงสิ่งที่คุณต้องการจะพูดโดยคร่าวๆ บทพูดจะเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ ซึ่งอาจจะมีแผ่นข้อความสั้นๆ เพื่อให้รู้ถึงหน้าที่ของคุณหรือมีโครงร่างของงานทั้งหมดเพื่อให้คุณตามข้อมูลได้ทัน .
- การบอกหัวหน้าผู้จัดงานว่าคุณต้องการพูดคุยกับผู้รับผิดชอบเพียงคนเดียวเท่านั้นเป็นอีกวิธีที่ช่วยคุณได้ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา วิธีเดียวที่คุณจะต้องทำคือปล่อยให้มันเกิดขึ้นถ้าผู้รับผิดชอบการจัดงานยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะช่วยลดการติดขัดหรือการสื่อสารที่ผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงานได้ และช่วยให้งานนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ส่วน 2 ระหว่างการดำเนินงาน
- 1ใจเย็น. การเป็นพิธีกรมีแรงกดดันค่อนข้างมาก เพราะความสำเร็จของงานส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับว่าพิธีกรสามารถจัดการงานได้ดีมากแค่ไหน จำไว้ว่าระหว่างที่งานกำลังดำเนินอยู่อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญคือต้องใจเย็นและรักษาความเป็นพิธีกรของตัวเองให้ได้ โดยการทำใจให้เย็นลงนั้น ให้ลองทำตามนี้
- ถ้าทำพลาดก็ให้ก้าวต่อไป การหยุดมีแต่จะทำให้ความผิดพลาดของคุณชัดเจนยิ่งขึ้น พยายามแก้ปัญหาและดำเนินต่อจากสิ่งที่ทำพลาดเอาไว้ ถ้าคุณทำได้ ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ก็จะลืมข้อผิดพลาดไป
- หาจุดที่จะมองในขณะที่พูด การมองไปที่ผู้ร่วมงานคนใดคนหนึ่งอาจจะทำให้คุณประหม่าระหว่างการพูด ให้ลองมองเหนือหัวของผู้ร่วมงานเพื่อลดความใกล้ชิดจากการสบตา
- พูดให้ช้าลง ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าคุณกำลังประหม่าได้มากไปกว่าการพูดเร็วเกินไป การพูดเร็วเกินไปจะทำให้คุณออกเสียงผิดและตะกุกตะกัก ซึ่งจะทำให้คนอื่นเข้าใจได้ว่าคุณประหม่า ให้ลองผ่อนความเร็วลงและหยุดระหว่างประโยคเล็กน้อย
- 2เตรียมพูดเปิดงาน. แนะนำตัวเองและกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน มองหากลุ่มผู้ร่วมงานที่เป็นคนพิเศษ และแล้วกล่าวต้อนรับพวกเขาโดยเฉพาะ การกล่าวต้อนรับไม่จำเป็นต้องยืดยาว แต่ต้องมีความน่าเชื่อถือ
- ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดประมาณว่า “ขอกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่นให้กับแฟนคลับแพ็คเกอร์ที่เป็นเจ้าของฟาร์มโคนม ที่สละเวลาเดินทางมาจากวิสคอนซินและขับรถผ่านเขตอาศัยของหมีเพื่อมาถึงที่นี่”
- 3กล่าวแนะนำวิทยากร. งานหลักของพิธีกรคือการกล่าวแนะนำวิทยากรและบุคคลสำคัญที่จะขึ้นมาบนเวที ยิ่งแขกคนนั้นสำคัญมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องกล่าวแนะนำโดยละเอียดและใช้คำสวยงามให้สมเกียรติมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคุณกล่าวแนะนำวิทยากรเสร็จแล้ว ก็ช่วยกล่าวนำผู้ร่วมงานปรบมือให้กับวิทยากรจนกว่าพวกเขาจะเดินไปถึงไมโครโฟน เมื่อวิทยากรพูดจบ ก็นำผู้ร่วมงานปรบมือให้อีกครั้งหนึ่งจนกว่าวิทยากรจะเดินลงเวทีแล้วนั่งที่ของพวกเขา
- เนื่องจากความรับผิดชอบหลักของพิธีกรคือการดำเนินงานให้ตรงเวลา ดังนั้น อย่าเกรงใจวิทยากรถ้าจะเตือนว่าพวกเขาพูดเกินเวลาที่กำหนด คุณอาจจะส่งข้อความหรือสัญญาณ เช่น วนนิ้วมือชี้ขึ้นด้านบนเพื่อบอกว่า “รีบพูดให้จบ”
- ก่อนที่คุณจะข้ามไปยังขั้นตอนต่อไปของงาน ให้กล่าวขอบคุณวิทยากร และพูดสิ่งที่พวกเขากล่าวถึงบนเวที การกล่าวถึงสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นสิ่งที่สนุก น่าสนใจ และน่าติดตาม ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นพิธีกรที่น่าสนใจ และช่วยยืนยันคุณค่าของสิ่งที่วิทยากรพูดอีกด้วย
- 4เชื่อมต่องานแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน. การเชื่อมต่องานส่วนหนึ่งไปอีกส่วนหนึ่งอาจจะทำได้ง่ายด้วยการใช้อารมณ์ขันเล็กน้อยในการเชื่อมทั้งสองส่วน โดยก่อนที่งานจะเริ่มนั้น นอกจากนี้ ให้แสดงความเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย พยายามและค้นหาสิ่งที่น่าสนุกและมีความหมายของวิทยากรหรือการแสดงที่ผ่านมา และเชื่อมต่อจากจุดนั้นไปยังวิทยากรหรือการแสดงต่อจากนี้
- ถ้าคุณพบจุดที่ติดขัด ให้ลองถามคำถามกับผู้ร่วมงาน คำถามควรจะถามให้เน้นตอบว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ในการถามคำถามนั้น คุณสามารถทำให้ผู้ร่วมงานมีส่วนรวมและสนใจกับงานในขณะที่ควบคุงานในฐานะพิธีกรได้
- ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่พิธีกรไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที และอาจจะทำให้คนอื่นคิดว่าพิธีกรไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น
- ถ้างานนั้นมีความยาวประมาณ 2-3 ชั่วโมง การสรุปการแสดงหรือการนำเสนอที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาพักก็ช่วยได้มาก และคุณยังควรที่บอกผู้ร่วมงานว่าจะมีอะไรต่อไป
- 5เตรียมพร้อมกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น. ดังที่กล่าวไปข้างต้น พิธีกรที่ดีจะต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ งานสดนั้นมักมีการสะดุดเล็กน้อย เช่น เด็กเสิร์ฟอาจจะทำน้ำหก เพลงอาจจะเปิดผิด หรือตารงางงานอาจจะล่าช้ากว่ากำหนด พยายามควบคุมงานด้วยการเตรียมพร้อมที่จะดำเนินงานให้ราบรื่นแม้จะมีข้อผิดพลาดหรือเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่มาขัดจังหวะ เพื่อรักษาบรรยากาศของงาน .
- ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือมีใครที่มีพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ คนเป็นพิธีกรต้องมองโลกในแง่ดีเสมอ
- จำไว้ว่าคุณไม่ได้มีหน้าที่ดุด่าว่ากล่าวคนอื่น หน้าที่ของคุณคือทำทุกอย่างให้ราบรื่น แม้ว่า จะมีอะไรผิดพลาดก็ตาม พิธีกรที่มีทัศนคติไม่ดีเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
- 6กล่าวปิดงาน. การกล่าวปิดงานควรจะมีความน่าตื่นเต้นและจริงใจเหมือนตอนที่เปิดงาน การกล่าวปิดงานโดยทั่วไปนั้น พิธีกรจะกล่าวของคุณผู้ร่วมงาน วิทยากร และผู้ดำเนินงาน การกล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลืองานนี้เป็นมารยาทที่ดี นอกจากนี้ การกล่าวสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในงานและสิ่งที่เราได้เรียนรู้โดยขึ้นอยู่กับประเภทของงานจะช่วยให้ผู้ร่วมงานนำสิ่งที่พูดกลับไปใช้ได้
- การกล่าวปิดงานอาจจะเป็นการกล่าวเชิญชวนให้เข้าร่วมงานอีกครั้งในภายหลัง บริจาคเงิน และเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าอะไรก็ตาม การพูดแบบนี้จะช่วยให้ผู้ร่วมงานเข้าร่วมได้
เคล็ดลับการเป็นพิธีกรที่ดี
- มั่นใจในตัวเอง และมีปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มากเข้าไว้
- ยิ้ม ทำตัวให้ดูเหมือนว่าคุณมีความสุขที่ได้มาร่วมงานนี้
- เตรียมตัวให้ดี แต่อย่าทำเหมือนกับคุณมายืนอ่านบทพูด
- ถ้าตารางงานล่าช้ากว่ากำหนด ให้พูดถึงข้อมูล เล่นมุกตลก เล่าเหตุการณ์ปัจจุบัน หรือพูดคุยด้วยหัวข้ออื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเงียบในงาน
